
ภารตะนาฏยัม
เป็นนาฏศิลป์ชั้นสูงของอินเดียที่เก่าแก่ที่สุดและเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ถึงแม้ว่าการแสดงนี้จะเป็นของชาวทมิฬดานู(ชนชาติทางตอนใต้ของอินเดีย) การแสดงนี้ก็เป็นที่ยอมรับโยทั่วไป
ภารตะนาฏยัมถูกพัฒนามาจากการผสมผสานนาฏศิลป์ ๒ อย่าง คือ ทาสีอัตตัม ซึ่งเป็นการฟ้อนของเทวทาสีในวัดและซาด เป็นการแสดงแบบดั้งเดิมในพระราชวังทางตอนใต้ของอินเดียต่อมาได้มีผู้นำการแสดงนี้ไปเผยแพร่ แต่ผู้ที่ได้รับการยอมรับและมีอิทธิพลต่อการเผยแพร่มากที่สุดได้แก่ ท่านกฤษณะ ไอเยอร์
ภารตะนาฏยัมเป็นการแสดงที่มีความเกี่ยวข้องกับศาสนาฮินดูอย่างมาก การร่ายรำในวัดฮินดูถือเป็นพิธีกรรมที่ศักดิ์สิทธ์ ผู้ที่จะฟ้อนรำถวายเทพเจ้าคือเทวทาสี
จากข้อเขียนโบราณกล่าวว่าเทวทาสีมีสถานภาพทางสังคมที่สูงและน่าพอใจ เป็นอาชีพที่พึงปรารถนาของหญิงสาวชาวฮินดู โดยเชื่อกันว่าเทวทาสีคือตัวแทนของนางอัปสรที่ทำหน้าที่บวงสรวงเทพเจ้าบนสรวงสวรรค์
การตัดสินเข้าเป็นเทวทาสีมี ๒ ลักษณะ คือ ๑.เป็นความสมัครใจของบิดามารดา ๒.เป็นความสมัครใจของหญิงสาวเอง
ภารตะนาฏยัมมีประวัติที่ยาวนานแต่เป็นการยากที่จะระบุอายุได้อย่างชัดเจน บ้างก็ว่าอายุมากกว่า ๑๐๐ ปี ในขณะที่มีหลักฐานแสดงให้เห็นว่ามากกว่า ๒๐๐๐ ปี การฟ้อนรำแบบภารตะนาฏยัมและการแสดงนาฏศิลป์คลาสสิคของอินเดียมีองค์ประกอบพื้นฐาน ๓ ประการ คือ
๑. ภาวะ หมายถึง การแสดงถึงตำแหน่งของมือ การแสดงออกทางสีหน้า การแสดงออกทางภาษาท่า
๒. ราคะหมายถึง บทเพลง ทำนอง
๓. ตาละ หมายถึง จังหวะ
การแสดงภารตะนาฏยัมประกอบด้วยชุดการแสดง เรียงตามลำดับดังนี้
๑ อลาริปปู คือการรำเบิกโรง การแสดงชุดนี้เป็นการสักการบูชาเทพเทวดา องค์พระอิศวร และการแสดงคารวะต่อผู้ชม
๒ ชาติ คือการฟ้อนรำตามช่วงจังหวะและทำนองแบบศิลปะประยุกต์
๓ ศัพทัม คือการร่ายรำตามบทเพลง เนื้อร้องและบทพากย์ ปกติแล้วจะมี ๗ บท
๔ วรรณัม คือ การแสดงที่บรรยายถึงพระเจ้า
๕ ปทัม คือการร่ายรำตามบทเพลงส่วนมากเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก
๖ ติลลานา คือ เป็นการแสดงศิลปะบริสุทธิ์ที่ปราศจากการพากย์
๗ โศลก คือเป็นการร่ายรำที่ควบคู่กับการขับร้องบทสรรเสริญเทพเจ้า
การแต่งกาย
การแต่งกายของภารตะนาฏยัมมีส่วนประกอบสำคัญ คือ
๑ กางเกงขายาวรัดข้อ รูปทรงหลวมเพื่อให้เคลื่อนไหวสะดวก
๒ สวมเสื้อแขนสั้นแนบตัว ปิดลงมาแค่ปลายซี่โครงเปิดเห็นเนื้อหน้าท้อง
๓ ใช้ผ้าสาหรี่ห่มปิดกางเกง และพาดขึ้นมาปิดช่วงบน
๔ เครื่องประดับศรีษะและเครื่องประดับกายตามรสนิยมของแต่ละบุคคลและที่ขาดไม่ได้ก็คือกระดิ่งหรือกระพรวนผูกข้อเท้า
การแต่งหน้า
ในการแสดงภารตะนาฏยัมจะมีการแต่งแต้มสีแดงบนใบหน้า มือ และเท้า จุดเด่นในหารแต่งหน้าเน้นที่ดวงตา
เวทีและฉาก
การแสดงภารตะนาฏยัมสามารถแสดงได้ทั้งในที่โล่งแจ้งหรือบนโรงละคร ส่วนอุปกรณ์ประกอบฉากจะใช้น้อยมากการแสดงส่วนใหญ่จะใช้ลีลาทางนาฏศิลป์เป็นสื่อแทนอุปกรณ์ สิ่งของและสถานที่
เป็นนาฏศิลป์ชั้นสูงของอินเดียที่เก่าแก่ที่สุดและเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ถึงแม้ว่าการแสดงนี้จะเป็นของชาวทมิฬดานู(ชนชาติทางตอนใต้ของอินเดีย) การแสดงนี้ก็เป็นที่ยอมรับโยทั่วไป
ภารตะนาฏยัมถูกพัฒนามาจากการผสมผสานนาฏศิลป์ ๒ อย่าง คือ ทาสีอัตตัม ซึ่งเป็นการฟ้อนของเทวทาสีในวัดและซาด เป็นการแสดงแบบดั้งเดิมในพระราชวังทางตอนใต้ของอินเดียต่อมาได้มีผู้นำการแสดงนี้ไปเผยแพร่ แต่ผู้ที่ได้รับการยอมรับและมีอิทธิพลต่อการเผยแพร่มากที่สุดได้แก่ ท่านกฤษณะ ไอเยอร์
ภารตะนาฏยัมเป็นการแสดงที่มีความเกี่ยวข้องกับศาสนาฮินดูอย่างมาก การร่ายรำในวัดฮินดูถือเป็นพิธีกรรมที่ศักดิ์สิทธ์ ผู้ที่จะฟ้อนรำถวายเทพเจ้าคือเทวทาสี
จากข้อเขียนโบราณกล่าวว่าเทวทาสีมีสถานภาพทางสังคมที่สูงและน่าพอใจ เป็นอาชีพที่พึงปรารถนาของหญิงสาวชาวฮินดู โดยเชื่อกันว่าเทวทาสีคือตัวแทนของนางอัปสรที่ทำหน้าที่บวงสรวงเทพเจ้าบนสรวงสวรรค์
การตัดสินเข้าเป็นเทวทาสีมี ๒ ลักษณะ คือ ๑.เป็นความสมัครใจของบิดามารดา ๒.เป็นความสมัครใจของหญิงสาวเอง
ภารตะนาฏยัมมีประวัติที่ยาวนานแต่เป็นการยากที่จะระบุอายุได้อย่างชัดเจน บ้างก็ว่าอายุมากกว่า ๑๐๐ ปี ในขณะที่มีหลักฐานแสดงให้เห็นว่ามากกว่า ๒๐๐๐ ปี การฟ้อนรำแบบภารตะนาฏยัมและการแสดงนาฏศิลป์คลาสสิคของอินเดียมีองค์ประกอบพื้นฐาน ๓ ประการ คือ
๑. ภาวะ หมายถึง การแสดงถึงตำแหน่งของมือ การแสดงออกทางสีหน้า การแสดงออกทางภาษาท่า
๒. ราคะหมายถึง บทเพลง ทำนอง
๓. ตาละ หมายถึง จังหวะ
การแสดงภารตะนาฏยัมประกอบด้วยชุดการแสดง เรียงตามลำดับดังนี้
๑ อลาริปปู คือการรำเบิกโรง การแสดงชุดนี้เป็นการสักการบูชาเทพเทวดา องค์พระอิศวร และการแสดงคารวะต่อผู้ชม
๒ ชาติ คือการฟ้อนรำตามช่วงจังหวะและทำนองแบบศิลปะประยุกต์
๓ ศัพทัม คือการร่ายรำตามบทเพลง เนื้อร้องและบทพากย์ ปกติแล้วจะมี ๗ บท
๔ วรรณัม คือ การแสดงที่บรรยายถึงพระเจ้า
๕ ปทัม คือการร่ายรำตามบทเพลงส่วนมากเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก
๖ ติลลานา คือ เป็นการแสดงศิลปะบริสุทธิ์ที่ปราศจากการพากย์
๗ โศลก คือเป็นการร่ายรำที่ควบคู่กับการขับร้องบทสรรเสริญเทพเจ้า
การแต่งกาย
การแต่งกายของภารตะนาฏยัมมีส่วนประกอบสำคัญ คือ
๑ กางเกงขายาวรัดข้อ รูปทรงหลวมเพื่อให้เคลื่อนไหวสะดวก
๒ สวมเสื้อแขนสั้นแนบตัว ปิดลงมาแค่ปลายซี่โครงเปิดเห็นเนื้อหน้าท้อง
๓ ใช้ผ้าสาหรี่ห่มปิดกางเกง และพาดขึ้นมาปิดช่วงบน
๔ เครื่องประดับศรีษะและเครื่องประดับกายตามรสนิยมของแต่ละบุคคลและที่ขาดไม่ได้ก็คือกระดิ่งหรือกระพรวนผูกข้อเท้า
การแต่งหน้า
ในการแสดงภารตะนาฏยัมจะมีการแต่งแต้มสีแดงบนใบหน้า มือ และเท้า จุดเด่นในหารแต่งหน้าเน้นที่ดวงตา
เวทีและฉาก
การแสดงภารตะนาฏยัมสามารถแสดงได้ทั้งในที่โล่งแจ้งหรือบนโรงละคร ส่วนอุปกรณ์ประกอบฉากจะใช้น้อยมากการแสดงส่วนใหญ่จะใช้ลีลาทางนาฏศิลป์เป็นสื่อแทนอุปกรณ์ สิ่งของและสถานที่